Knowledge

เทคนิคเลือก “ประกันชีวิต” ให้คุ้มค่าเงิน!

เทคนิคเลือก “ประกันชีวิต” ให้คุ้มค่าเงิน! เลือกประกันชีวิตให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการทำประกัน ด้วยทุนประกันชีวิตที่เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 3 เท่าของรายได้ต่อปี บวกภาระหนี้สินคงค้าง และเบี้ยประกันที่จ่ายไหวซึ่งใช้เงินออมเพียง 10-15% ของรายได้ต่อปี เพื่อให้คุ้มค่าเงิน

          เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกทำประกันไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับประกันแบบไหน บางคนซื้อประกันเพียงเพราะแค่อยากลดหย่อนภาษี บางคนอาจถูกชักชวนให้ทำประกันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อตั้งแต่แรก และส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกทำประกันแบบสะสมทรัพย์ เพราะไม่อยากจ่ายเบี้ยทิ้ง ได้เงินคืนระหว่างทาง และได้เงินก้อนเมื่อครบสัญญา แต่อาจทำให้มีทุนประกันที่น้อยเกินไป และต้องจ่ายค่าเบี้ยค่อนข้างสูง จะเห็นได้ว่าประกันมีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร ดังนั้น CarMate จึงมีวิธีเลือกประกันชีวิตให้คุ้มค่าเงิน และตรงกับความต้องการของแต่ละคนมาฝากกัน  
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ประกันชีวิตมีด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้

          – แบบชั่วระยะเวลา เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น หากมีชีวิตอยู่เลยจากระยะเวลาที่กำหนดไว้จะไม่ได้รับเงินคืน

          – แบบตลอดชีพ เป็นประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองเป็นหลัก ค่าเบี้ยไม่สูง โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเมื่ออยู่ครบกำหนดสัญญา

          – แบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตที่เน้นการได้รับเงินคืนมากกว่าความคุ้มครองที่ได้รับ และค่าเบี้ยค่อนข้างสูง

          – แบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตที่จะเริ่มจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเมื่อผู้ทำประกันมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนจะจ่ายเงินนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนงวดหรืออายุของผู้ทำประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

เทคนิคเลือก “ประกันชีวิต”

 เมื่อเข้าใจแล้วว่าประกันชีวิตมีกี่ประเภท จากนั้นก็ถึงเวลาเลือกแบบประกันที่ตรงตามความต้องการได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่

– กำหนดทุนประกันชีวิต

          แนะนำว่าควรมีทุนประกันชีวิตไม่น้อยกว่า 3 เท่าของรายได้ต่อปี บวกด้วยภาระหนี้สินคงค้าง เช่น หากมีรายได้เดือนละ 50,000 บาท เท่ากับปีละ 600,000 บาท 3 เท่าของรายได้ต่อปีจึงเท่ากับ 1,800,000 บาท หากมีภาระหนี้สินคงค้างอีก 200,000 บาท บุคคลนี้จึงควรมีทุนประกันชีวิตไม่น้อยกว่า 2,000,000 บาท

– เลือกแบบประกันด้วยเบี้ยที่จ่ายไหว

          เบี้ยประกันแบบที่ไม่ทำให้มีภาระมากเกินไป ควรอยู่ที่ประมาณ 10-15% ของรายได้ต่อปี ต่อเนื่องจากตัวอย่างข้างต้น ที่ควรมีทุนประกันชีวิตไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท จึงแนะนำให้ทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์และแบบตลอดชีพควบคู่กัน โดยสามารถเลือกทำประกันแบบสะสมทรัพย์ที่ทุนประกัน 1 ล้านบาท และทำประกันแบบตลอดชีพที่ทุนประกัน 1 ล้านบาท ดังตารางด้านล่าง

ประกันสุขภาพ

*คำนวณค่าเบี้ยประกันแบบสะสมทรัพย์จากประกันชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์ 15/25 เพศชายและหญิง อายุ 30-50 ปี
          **คำนวณค่าเบี้ยประกันแบบตลอดชีพจากประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/9 เพศชายและหญิง อายุ 30-50 ปี

          วิธีนี้จะทำให้ได้ทั้งทุนประกันที่สูง และยังช่วยลดภาระการจ่ายเบี้ยประกัน ไม่ทำให้มีภาระจ่ายเบี้ยที่มากเกินไป เพราะใช้เงินออมแค่ประมาณ 10-15% ของรายได้ต่อปีเท่านั้น แถมยังมีเงินส่วนหนึ่งคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาอีกด้วย

สำหรับประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา และแบบบำนาญ จะเหมาะกับคนที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน โดยประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาจะเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองสูงภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยเบี้ยที่ต้องจ่ายจะไม่สูงนัก เช่น ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) ที่คุ้มครองการเสียชีวิตและทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรตลอดระยะเวลาสัญญา ตามทุนประกันที่ลดลง ช่วยให้หมดกังวลเรื่องภาระหนี้สิน และทำให้บ้านอยู่กับครอบครัวที่รักตลอดไป ส่วนประกันชีวิตแบบบำนาญ จะเหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนเกษียณ เพื่อให้มีเงินบำนาญไว้ใช้หลังจากที่เกษียณอายุแล้ว โดยสามารถสร้างเงินบำนาญไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณได้อย่างแน่นอนตั้งแต่วันนี้

          นอกจากนี้ เรายังสามารถนำค่าเบี้ยประกันที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปมาลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี  

          จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้นน่าจะช่วยให้เราได้รู้จักและเข้าใจประกันชีวิตกันมากขึ้น สำหรับคนที่มีประกันอยู่แล้ว อยากให้ลองเช็กกรมธรรม์ที่มีอยู่ว่า เรามีประกันแบบใด มีทุนประกันอยู่ที่เท่าไร เพียงพอแล้วหรือยัง ส่วนใครที่ยังไม่มีประกันจะได้รู้ว่าควรเลือกประกันชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่าเงิน เป็นแบบประกันที่เหมาะกับเรา ด้วยทุนประกันที่เพียงพอ และเบี้ยประกันที่เราจ่ายไหว เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปจะได้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

K-Expert Action

          • ศึกษารายละเอียดเงื่อนไขของแบบประกันชีวิตที่สนใจและตรงกับความต้องการ ก่อนตัดสินใจทำประกัน
          • คำนึงถึงความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันตามสัญญา โดยไม่เป็นภาระมากเกินไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

: เทคนิคเลือก “ประกันชีวิต”