Knowledge

สรุปเงื่อนไข มาตรการ EV 3.5 ให้งบอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าต่อยังไงบ้าง

บอร์ดอีวีไฟเขียว มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือมาตรการ EV 3.5 ต่อจากระยะแรก EV 3 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับสูง โดยในช่วง 9 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน มีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่เกิน 50,340 คัน หรือเพิ่มขึ้น 7.6 เท่า

ส่วนมาตรการ EV 3.5 ใหม่ ระยะที่ 2 จะมีผล 4 ปี คือตั้งแต่ปี 2567 – 2570  เพื่อส่งเสริมให้ยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่องทั้ง รถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า รวมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และเปิดให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่เข้ามาลงทุนเพิ่ม ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถที่เข้าร่วมมาตรการ EV 3 สามารถขอรับสิทธิตามมาตรการใหม่เพิ่มเติมได้ตามเงื่อนไข ดังนี้

รถยนต์ไฟฟ้า ตามมาตรการ EV 3.5 มีเงื่อนไขการอุดหนุนอย่างไรบ้าง

  1. รถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ได้รับเงินอุดหนุน 20,000 – 50,000 บาท/คัน
  2. รถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ 50 กิโลวัตต์-ชั่วโมงขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 50,000 – 100,000 บาท/คัน
  3. รถกระบะไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ 50 กิโลวัตต์-ชั่วโมงขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 50,000 – 100,000 บาท/คัน
  4. รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ 3 กิโลวัตต์-ชั่วโมงขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 5,000 – 10,000 บาท/คัน

รถยนต์ไฟฟ้าแบบนำเข้าสำเร็จรูป เสียภาษีนำเข้าไม่เกิน 40%

รถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าแบบสำเร็จรูป หรือ CBU (Completely Built Up) ราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท มาตรการ EV 3.5 จะลดอากรนำเข้าเหลือไม่เกิน 40% ในระหว่าง 2 ปีแรก (ปี 2567 – 2568) และลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท

โดยมีเงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนในประเทศ ซึ่งผู้ได้รับการสนับสนุนต้องมีการผลิตรถเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 ตามอัตราส่วน 1 ต่อ 2 (หากนำเข้า 1 คัน ต้องผลิตในประเทศชดเชย 2 คัน) และจะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 ต่อ 3 ภายในปี 2570

รวมถึงแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปที่นำเข้าและผลิตในประเทศไทยจะต้องผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. และต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานตามมาตรฐานสากลจากศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ด้วย

ขยายเวลาจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าของมาตรการ EV 3 ต่อไปอีก

นอกจากนี้ กรมสรรพสามิต จะขยายเวลาการจดทะเบียน รถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV 3 ต่อไปอีก ซึ่งจากเดิมต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ให้สามารถจำหน่ายได้ถึงภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มกราคม 2567ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าว บอร์ดอีวี (คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ) ได้ให้ความสำคัญและต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ตามนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ การผลิตยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *