Knowledge

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ต่อภาษีรถไฟฟ้าต้องจ่ายปีละเท่าไร

รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์พลังงานทางเลือก ต้องเสียภาษีต่อปีเท่าไร มีค่าใช้จ่ายมากหรือน้อยกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันทั่วไป มาดูกัน

รถยนต์ไฟฟ้า กำลังเป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังลดการปล่อยมลพิษ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นหรือบางยี่ห้อก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำต่าง ๆ รวมไปถึงดีไซน์ตัวรถที่ดูสวยและทันสมัย แต่อุปสรรคสำคัญคือราคาค่าตัวของรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังถือว่าค่อนข้างสูง รวมถึงข้อจำกัดในเรื่องสถานีชาร์จไฟที่อาจทำให้หลายคนชั่งใจว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานดีหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายเรื่องเกี่ยวกับรถไฟฟ้าที่คนทั่วไปยังไม่รู้ นั่นก็คืออัตราการเสียภาษีรถยนต์ไฟฟ้าประจำปี ว่าต้องเสียเท่าไร แพงหรือเปล่า เรามาหาคำตอบกัน

ภาษีรถยนต์ คือ ?

สิ่งที่เจ้าของรถยนต์ทุกคนต้องดำเนินการเป็นประจำทุกปี ซึ่งภาษีที่เราจ่ายไปนั้น หน่วยงานของรัฐก็จะนำไปก่อสร้างหรือปรับปรุงถนนหนทางให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถ้าเราไม่เสียภาษีประจำปี แน่นอนว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของเราจะผิดกฎหมายทันที หากนำรถคันดังกล่าวมาวิ่งใช้งานบนท้องถนน แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะต้องเสียค่าปรับ หรือปล่อยไว้นานวันเข้าอาจถึงขั้นถูกระงับการใช้รถ อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินการชำระภาษีรถยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะได้ป้ายสี่เหลี่ยมมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ารถคันนี้ได้ทำการชำระภาษีประจำปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ภาษีรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์แต่ละชนิดต้องจ่ายภาษีเท่าไร ?

รถทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถกระบะ รถบรรทุก หรือรถมอเตอร์ไซค์ ทุกคันต้องเสียภาษีประจำปีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันนั่นก็คืออัตราภาษีที่ต้องจ่าย เรามาดูกันว่ารถแต่ละชนิดต้องเสียภาษีคันละเท่าไร และมีวิธีคิดภาษีจากอะไร

1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หรือรถเก๋งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง เป็นประเภทของรถที่คนนิยมใช้มากที่สุด โดยจะมีการคิดคำนวณอัตราภาษีจากกระบอกสูบ (ซี.ซี.)

  • 600 ซี.ซี. แรก คิด ซี.ซี. ละ 0.50 บาท
  • 601-1,800 ซี.ซี.  คิด ซี.ซี. ละ 1.50 บาท
  • 1,800 ซี.ซี. ขึ้นไป คิด ซี.ซี. ละ 4.00 บาท

สำหรับรถใหม่ หรือรถที่มีอายุการใช้งานอยู่ในช่วง 1-5 ปีแรก อัตราภาษีที่ต้องจ่ายจะเท่ากันทั้งหมด แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 6 อัตราภาษีจะลดลงตามลำดับ

  • ปีที่ 6 ร้อยละ 10
  • ปีที่ 7 ร้อยละ 20
  • ปีที่ 8 ร้อยละ 30
  • ปีที่ 9 ร้อยละ 40
  • ปีที่ 10 และปีต่อ ๆ ไป ร้อยละ 50

2. คิดภาษีเป็นรายคัน

จะใช้กับรถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ รถที่ใช้ในงานเฉพาะทาง เช่น เกษตรกรรม

  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
  • รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
  • รถพ่วงชนิดอื่น ๆ คันละ 100 บาท
  • รถบดถนน คันละ 200 บาท
  • รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท

3. คิดภาษีตามน้ำหนักรถ

การคิดคำนวณภาษีในลักษณะนี้จะใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน, รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด, รถยนต์รับจ้าง, รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล, รถลากจูง และรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร โดยมีอัตราภาษีดังนี้

น้ำหนักรถ (กิโลกรัม)รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด, รถยนต์บริการรถยนต์รับจ้างรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล, รถลากจูง, รถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร
500150450185300
501-750300750310450
751-1,0004501,050450600
1,001-1,2508001,350560750
1,251-1,5001,0001,650685900
1,501-1,7501,3002,1008751,050
1,751-2,0001,6002,5501,0601,350
2,001-2,5001,9003,0001,2501,650
2,501-3,0002,2003,4501,4351,950
3,001-3,5002,4003,9001,6252,250
3,501-4,0002,6004,3501,8102,550
4,001-4,5002,8004,8002,0002,850
4,501-5,0003,0005,2502,1853,150
5,001-6,0003,2005,7002,3753,450
6,001-7,0003,4006,1502,5603,750
7,001 ขึ้นไป3,6006,6002,7504,050

นอกจากนี้ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ที่ในช่วงแรกเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังสับสน และไม่รู้ว่าต้องเสียภาษีประจำปี ปีละเท่าไร จะมีราคาแพงกว่ารถยนต์ปกติทั่วไปหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องบอกว่า สำหรับอัตราภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 นั้น ได้กำหนดให้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเสียภาษีตามน้ำหนักของรถ ในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน

น้ำหนักรถ (กิโลกรัม)รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน
500150
501-750300
751-1,000450
1,001-1,250800
1,251-1,5001,000
1,501-1,7501,300
1,751-2,0001,600
2,001-2,5001,900
2,501-3,0002,200
3,001-3,5002,400
3,501-4,0002,600
4,001-4,5002,800
4,501-5,0003,000
5,001-6,0003,200
6,001-7,0003,400
7,001 ขึ้นไป3,600

ทั้งนี้อัตราภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกปี ถือว่าเป็นอัตราเดียวกับที่ใช้ในรถกระบะ ซึ่งจะถูกกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกได้มีการประกาศลดภาษีประจำปีรถยนต์ไฟฟ้าลงอีก 80% เป็นระยะเวลานาน 1 ปี โดยนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เพื่อสนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า

แม้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรานั้นจะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง แต่ในอนาคตอาจมีความหลากหลายมากขึ้น หลังภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมโดยการลดภาษีสรรพสามิต ภาษีนำเข้า และภาษีประจำปี โดยในบ้านเราตอนนี้ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจหลายรุ่น เช่น POCCOVOLT City EV, Fomm ONEMG ZS EV, ORA Good Cat และ BYD Atto 3 เป็นต้น