แบตเตอรี่แห้ง แบตเตอรี่น้ำ แบตเตอรี่กึ่งแห้ง ต่างกันยังไง? คำถามที่ผู้ใช้รถหลายคนคงต้องเคยเจอเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ จะเลือกแบบไหนดี แล้วที่จริงแบตเตอรี่รถยนต์มีให้เลือกกี่ชนิด วันนี้ CarMate จะมาแนะนำกัน
หากพูดถึงอุปกรณ์ในรถยนต์ที่เราจำเป็นต้องหมั่นดูแลรักษา สังเกตอาการ การเสื่อมสภาพ นอกเหนือจากยางรถยนต์ และ ดวงไฟต่าง ๆ แล้ว แบตเตอรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่คนใช้รถจะละเลยไม่ได้ เพราะนี่คือส่วนประกอบสำคัญในการเริ่มต้นใช้งานรถยนต์ ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่มีแบตเตอรี่ รถก็สตาร์ตไม่ติดนั่นเอง
แบตเตอรี่ คือชิ้นส่วนที่เป็นเสมือนที่เก็บพลังงานสำรองของรถยนต์ ทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้าในการสตาร์ตเครื่องยนต์ รวมถึงระบบวงจรไฟฟ้าอื่น ๆ และผู้ใช้รถทุกคนน่าจะทราบกันดีว่าเจ้าแบตเตอรี่นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งาน เมื่อเริ่มพบอาการอย่างเช่น รถเริ่มสตาร์ตติดยาก, ดวงไฟต่าง ๆ ไม่สว่างเท่าเดิม, กระจกไฟฟ้าเลื่อนขึ้น-ลงช้ากว่าปกติ นั่นเป็นการส่งสัญญาณเตือนเราในเบื้องต้นแล้วว่า ใกล้ได้เวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่แล้ว
แล้วเราจะใช้แบตเตอรี่แบบไหนดี นั่นย่อมเป็นคำถามที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่อยากรู้ ซึ่งหากลองเดินไปถามที่ร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ใกล้บ้านก็อาจจะได้คำตอบและข้อมูลเรื่องแบตเตอรี่จากผู้ขาย และรวมถึงน่าจะต้องเจอก็คือคำถามกลับมาพร้อมกันด้วยว่าต้องการใช้ แบตเตอรี่แห้ง หรือ แบตเตอรี่น้ำ
แบตเตอรี่แห้ง หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า แบตฯ แห้ง และ แบตเตอรี่น้ำ หรือ แบตฯ น้ำ หรือ แบตฯ เปียก คือชนิดของแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนี้ โดยนอกจากทั้งสองแบบนี้แล้ว ยังมีแบตเตอรี่อีก 2 ชนิดที่เรียกว่า แบตเตอรี่กึ่งแห้ง และ แบตเตอรี่ไฮบริด อีกด้วย ซึ่งแบตเตอรี่แต่ละชนิดแต่ละแบบ ก็จะมีลักษณะการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป
แบตเตอรี่รถยนต์ทั้ง 4 ชนิดแตกต่างกันอย่างไร
1.แบตเตอรี่น้ำ หรือ แบตเตอรี่ธรรมดา
คือแบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรด ส่วนผสมภายในแบตเตอรี่นั้นประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง แบตเตอรี่ชนิดน้ำนั้นเหมาะสำหรับคนที่มีเวลาในการดูแลรถพอสมควร เพราะต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นและคอยเติมอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้แบตเตอรี่น้ำนั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา
ข้อดี : มีความทนทานต่อการปะจุไฟเกินและคายประจุ มีอายุที่ใช้งานค่อนข้างนาน และที่สำคัญราคาถูก
ข้อเสีย : ต้องคอยตรวจสอบระดับน้ำกลั่นก่อนการใช้งานอยู่เสมอ อาจจะสัปดาห์ละครั้งขึ้นอยู่กับการใช้งาน และหากมีการเคลื่อนย้ายตัวแบตเตอรี่ต้องระมัดระวังสารละลายที่อาจรั่วไหลออกมาได้
2.แบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือ แบต MF
เป็นแบตเตอรี่ที่ยังมีรูให้สามารถเติมน้ำกลั่นได้ แบตเตอรี่กึ่งแห้งนั้น เป็นแบตเตอรี่ที่ยังต้องดูแลอยู่เสมอ แต่อาจไม่ต้องดูแลบ่อยเท่ากับแบตเตอรี่น้ำ โดยหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากน้ำกรดภายในแบตเตอรี่กึ่งแห้งนั้นจะเข้มข้นกว่าน้ำกรดในแบตเตอรี่ชนิดน้ำมาก ทำให้ระเหยได้ช้ากว่า
ข้อดี : ไม่ต้องตรวจเช็กหรือคอยเติมน้ำกลั่นบ่อยเหมือนกับแบตเตอรี่น้ำ เพราะภายในแบตเตอรี่มีการป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นที่แน่นหนาพอสมควร
ข้อเสีย : แม้จะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยแต่ก็ต้องหมั่นตรวจเช็กอยู่สม่ำเสมอ อายุการใช้งานอาจไม่นานเท่าแบตเตอรี่น้ำ
3.แบตเตอรี่แห้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากแบตเตอรี่แห้งนั้นไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรเลย อาจจะเหมาะกับคนในยุคปัจจุบันเพราะไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น และแบตเตอรี่แห้งนั้นสามารถปล่อยทิ้งไว้ในสภาพไม่มีประจุไฟได้นานกว่าแบตเตอรี่ธรรมดาโดยไม่ต้องชาร์จไฟเพื่อกระตุ้นแบตฯ
ข้อดี : เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลรถยนต์ ไม่ต้องตรวจเช็กบ่อย ๆ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แบตเตอรี่ไม่หมด แม้ไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน
ข้อเสีย : มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ และ แบตเตอรี่กึ่งแห้ง และที่ตัวแบตเตอรี่จะมีรูระบายอากาศ (รูหายใจ) ที่ค่อนข้างเล็กซึ่งอาจอุดตันได้ง่ายและส่งผลให้เกิดปัญหาแรงดันภายในแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
4.แบตเตอรี่ไฮบริด
แบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนามาจากแบตเตอรี่น้ำ ภายในตัวแบตเตอรี่นั้นจะประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบ เพื่อเป็นการแก้ไขข้อเสียของแบตเตอรี่น้ำที่มีการระเหยของน้ำกลั่นที่สูงมาก ซึ่งแบตเตอรี่ไฮบริดนี้ จะมีอัตราการระเหยของน้ำกลั่นน้อยกว่าแบตเตอรี่รุ่นธรรมดามาก แบตเตอรี่ไฮบริดมักใช้กับรถที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือ รถรับจ้าง เป็นต้น
ข้อดี : มีการระเหยของน้ำกลั่นน้อยกว่าแบตเตอรี่รุ่นธรรมดามาก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
ข้อเสีย : มีราคาที่สูงมาก มักใช้กับรถขนาดใหญ่
แล้วแบตเตอรี่รถยนต์แบบไหนดีที่สุด ?
แบตเตอรี่แห้ง แบตเตอรี่น้ำ แบตเตอรี่กึ่งแห้ง ต่างกันยังไง? แบตเตอรี่แต่ละชนิดต่างก็มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้รถแล้วว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี หากต้องการแบตเตอรี่ที่ทนทาน ราคาถูก แบตเตอรี่น้ำ ดูจะตอบโจทย์ข้อนี้ที่สุด แต่ต้องแลกกับการที่เราต้องหมั่นตรวจสอบดูแลระดับน้ำกลั่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใครที่สตาร์ตรถแล้วขับออกไปทำงานทันที ไม่มีเวลาจะมาตรวจเช็กอะไรบ่อย ๆ และไม่เกี่ยงเรื่องราคา แบตเตอรี่แบบแห้ง เหมาะกับคุณมากที่สุด ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ไฟไม่หมดแม้ไม่ค่อยได้ใช้รถ แต่อาจจะต้องเสียเงินมากขึ้นอีกหน่อยเพื่อแลกกับความสบาย อย่างไรก็ตามผู้ใช้รถก็ควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือสอบถามจากผู้รู้ว่ารถของแต่ละท่านเหมาะสำหรับแบตเตอรี่แบบไหนต่อไป